แบรนด์และนักการตลาดควรปรับตัวอย่างไร ในยุคที่(อาจจะ)ต้องเอาใจ AI มากกว่าผู้บริโภค

Nanosoft Article : บทความทางธุรกิจ



ใครๆ ก็รู้ว่าหุ่นยนต์ AI (ปัญญาประดิษฐ์) จะเข้ามามีบทบาทสูงมากในหลากหลายวงการ และแน่นอน-แวดวงการตลาดก็เป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะในแวดวงการตลาดยุคนี้ สิ่งที่ทุกคนพูดถึงกันคือเรื่อง “ข้อมูล” (Data) ของผู้บริโภคที่ถูกจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่ประเด็นสำคัญคือหลังจากจัดเก็บข้อมูลเสร็จแล้ว จำเป็นต้องนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง เช่น แคมเปญการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย Data ฟังดูเป็นความท้าทาย แต่ยุคถัดไปจะท้าทายหนักขึ้นไปอีก เพราะในอนาคตอันใกล้ AI จะรู้จักพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคดีกว่าตัวของผู้บริโภคเองเสียอีก คำถามสำคัญของเรื่องนี้คือ แบรนด์และนักการตลาดจะปรับตัวอย่างไร เมื่อวันนั้นมาถึงเข้าจริงๆ

ฟังดูเป็นความท้าทาย แต่ยุคถัดไปจะท้าทายหนักขึ้นไปอีก เพราะในอนาคตอันใกล้ AI จะรู้จักพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคดีกว่าตัวของผู้บริโภคเองเสียอีก

- คำถามสำคัญของเรื่องนี้คือ แบรนด์และนักการตลาดจะปรับตัวอย่างไร เมื่อวันนั้นมาถึงเข้าจริงๆ


โลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ มือถือจะเป็นสิ่งล้าสมัย, AI + IoT มาแทน

งานวิจัยจาก HILL ASEAN บริษัทลูกของ HAKUHODO ซึ่งเป็นบริษัท Agency โฆษณารายใหญ่และเก่าแก่จากประเทศญี่ปุ่น มีอายุกิจการถึง 124 ปี ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการตลาดของผู้คนใน 6 ประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

ผลการวิจัย พบว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่ผู้คนมีอัตราการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสูงที่สุดในโลก โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 141% ซึ่งตัวเลขนี้เป็นตัวสะท้อนถึงพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล เช่น อัตราการใช้สมาร์ทโฟนที่พุ่งสูงขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ฯลฯ

- อันที่จริง ถ้าพูดแค่นี้ แบรนด์และนักการตลาดน่าจะรู้สึกว่าไม่ได้มีอะไร “ว้าว” เพราะไม่มีอะไรใหม่ และเป็นข้อมูลที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว แต่ถ้าบอกว่า “เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่กันแล้ว ซึ่งเป็นยุคที่การกดมือถือกำลังจะเป็นสิ่งที่ล้าสมัย” จุดนี้เริ่มน่าสนใจ

งานวิจัยชิ้นนี้ชี้ว่า โลกยุคหลังมือถือคือโลกของ AI และอุปกรณ์ IoT (IoT ทั้งที่แปลว่า Internet of Things และศัพท์ใหม่อย่าง Intelligent of Things หมายถึงอุปกรณ์ IoT ที่มี AI เป็นกลไกเบื้องหลัง ทำให้ฉลาดมากขึ้น) โดยจะกลายเป็นโลกที่ไร้ขอบจอ เพราะผู้บริโภคจะสั่งการด้วยเสียงมากขึ้น ข้อมูลของผู้บริโภคจะถูกจัดเก็บมากขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น ไม่ได้มีแค่มิติพฤติกรรมของการจับจ่ายซื้อของอย่างเดียว แต่จะรวมไปถึงข้อมูลสุขภาพ ความสนใจส่วนตัว และประวัติการสั่งซื้อสินค้า

ในงานวิจัยระบุว่า กระแสการเติบโตของอุปกรณ์ IoT ในระดับโลกเติบโตขึ้นอย่างมาก ถ้าดูจากแนวโน้มต่อจากนี้ มือถือจะมีอัตราเพิ่มขึ้นทั่วโลกจาก 7.5 พันล้านเครื่องเป็น 8.6 พันล้านเครื่อง ในขณะทีอุปกรณ์ IoT จะเพิ่มาจาก 7 พันล้านเครื่องพุ่งเป็น 19.8 ล้านเครื่องทั่วโลก เป็นอัตราการเพิ่มถึง 2 เท่าตัว

- พูดง่ายๆ ก็คือ AI และ IoT จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวของผู้บริโภค อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ฉลาดในบ้านจะเป็นหนึ่งในตัวช่วยทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าในอนาคตอันใกล้


แหล่งที่มา : https://brandinside.asia/how-brand-survive-in-the-age-of-ai/