ประตูเรียกลูกค้า

Nanosoft Article : บทความทางธุรกิจ

นับว่า เป็นอะไรที่ถกเถียงกันไม่จบว่าจะเอาประตูร้านแบบไหน ? กว้างหรือแคบ ? อยู่มุมหรือกลาง ? อยู่ตรงบันไดได้หรือเปล่า ? ประตูม้วนหรือเป็นบานเปิด ? ประตูเลือนหรือ เป็นแบบสวิง ? จะเอาแบบเป็นทึบหรือเป็นแบบมองทะลุได้ ? แต่ที่แน่ ๆ คือไม่ใช่ประตูสารพัดนึกหรือประตูเปลี่ยนสถานที่อย่างโดเรม่อน ก็แล้วกันครับ

บางร้านค้า “สร้าง” ประตูทางเข้าร้านเสียใหญ่โตน่าเกรงขามดูแล้วลูกค้าก็เลยไม่กล้าเข้า บางที่ก็มีสิงห์อยู่ข้าง ๆ ประตูอีก ประตูประเภทที่สร้างให้ดูน่าเกรงขามใหญ่โต แบบนี้มีประโยชน์ก็คือ ช่วยคัดเกรดลูกค้าได้อย่างดี สังเกตุได้ว่าจะไม่ค่อยได้พบเห็นขอทานเข้าไปป้วนเปี้ยนบริเวณร้านด้วยความเกรงบารมีของ “ประตู” นี่แหละคนทำงาน หาเช้ากินค่ำเวลาเดินเข้าประตูร้านประเภทนี้ ล่ะก็มีอันต้องเอามือตบกระเป๋าสตางค์ดูก่อนว่า . . . ยังมีอยู่กับตัวนะ !

หลายๆ ร้านถือกันว่าการจัดวางจุดแคชเชียร์หรือบริเวณที่เก็บเงินนั้นจะต้องอยู่ในที่ที่ไม่ใกล้ประตูนัก มองจากประตูมาแล้วไม่ค่อยเห็นเพื่อกันไม่ให้เงินไหลออกประตูได้ง่าย ซึ่งก็เป็นความเชื่อของคนโบราณในปัจจุบันนี้ก็เหมือนกัน แต่เหตุผลก็คืนเวลาโจรมองมาจากข้างนอกร้านจะได้มองไม่เห็นที่เก็บเงินได้ง่าย ๆ และโดยส่วนตัวของเจ้าของร้านเอง ก็จะได้มองเห็นลูกค้าเดินออกจากร้านได้ชัด ๆ จะได้รู้ว่าลูกค้าจ่ายเงินแล้วหรือยัง? หรือว่ามีการแอบเอาสินค้าอะไรติดไม้ติดมือออกไปด้วยหรือเปล่า ?

หลายครั้งที่การให้สีทึบที่ขอบประตูด้านบนจะทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัดเหมือนถูกกดทับ และจะพยายามหลีกเลี่ยงโดยไม่รู้ตัวที่จะไม่เดินเข้าร้านนั้น ๆ ซึ่งรวมถึงหน้าร้านที่ให้สีของประตูดูลึกลับ ทำให้มองเห็นเป็นสิ่งน่ากลัวไป เมื่อหลายปีกว่านี้ที่ร้านไดโดมอน ที่ศูนย์การค้าบิ๊กซีอุดรธานีมีการตกแต่งประตูด้วยลวดลายร่วมสมัยแต่เมื่อ มองจากหน้าร้านในระยะไกลแล้วเหมือนกับหน้าของยักษ์ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ลูกค้าเข้าไปใช้บริการที่ร้านน้อยมาก

ร้านค้าขายของประดับประเภทเพชร พลอย หลายร้านนิยมปิดประตูไว้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะกลัวโจรผู้ร้ายหรือจะเป็นเพราะประหยัดแอร์ที่เปิดอยู่แต่ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าไม่ได้เพิ่มจำนวนขึ้น นอกจากเสียว่าทางร้านจะได้มีบริเวณกว้างมากพอที่จะโชว์สินค้าส่วนใหญ่ให้ลูกค้าที่ผ่านไป-มาได้เห็นโดยง่าย

ห้างสรรพสินค้าบางห้างฯ จะพยามยามให้ลูกค้าไม่ได้รู้สึกว่าได้เดินผ่านประตูเข้าห้างเลย โดยการเปิดประตูม้วนใหญ่ออกทั้ง 2 ด้าน และให้ลูกค้า มีความรู้สึกเหมือนกับเดินต่อกันมาจากทางพลาซ่าไปเรื่อย ๆ ซึ่งทางร้านก็ได้นำคอนเซพท์นี้ไปใช้คือทำเป็นเหมือนกับทางเดินผ่านไปยังอีกทางหนึ่งโดยลูกค้าเดินผ่า กลางร้านออกไปได้เลย และในขณะที่ลูกค้าเดินผ่านกลางร้านไปนั้น ก็ได้มีการจัดดิสเพลย์สินค้าให้เป็นที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเลือดซื้อสินค้าในร้าน

ทางเลือกที่ดีของร้านค้าทั้งหลายคือ ไม่ควรเลือกประตูบานสวิงแบบที่ต้องผลักประตูเข้าไป เพราะลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่จะเดินมาหยุดแค่เพียงหน้าประตู เพื่อตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าจะผลักเข้าไปหรือจะเดินถอยออกมาแล้วก็ไปหาซื้อของร้านอื่น ๆ

ดังนั้น ประตูบานเลื่อนแบบอัตโนมัติทั้งหลายจึงมีภาษีดีกว่ามากสำหรับการเชื้อเชิญลูกค้าให้เข้าไปเลือกชมสินค้า ภายในร้าน เนื่องเพราะเมื่อลูกค้าเกิดความสนใจกำลังเตร่มาใกล้ ๆ กับร้านมาถึงบริเวณหน้าประตู แล้วประตูก็เปิดออกมาเชื้อเชิญให้ลูกค้าเข้าไปในร้าน นี่แหละครับความรู้สึกที่ดีที่เราไป ถึงบ้านเพื่อนเราแล้วเพื่อนเราก็เปิดประตูต้อนรับเราด้วยไมตรีจิต ผมถึงได้เรียกเจ้าประตูชนิดนี้ว่าประตูเรียกลูกค้าไงครับ