โทรศัพท์เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

Nanosoft Article : บทความทางธุรกิจ

ช่วยรับโทรศัพท์หน่อยครับ . . . ผมไม่ได้หมายความว่าผมกำลังจะโยนโทรศัพท์ให้ช่วยกันรับก่อนโทรศัพท์จะตกลงพื้นนะครับ เดี๋ยวจะว่าเล่นมุขแบบตลกคาเฟ่ ก็ไอ้ลูกน้องตัวแสบ ของผมเองนั่นล่ะครับ พอบอกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์รวนนิดหน่อยเพราะไฟตกเท่านั้นแหละ พ่อเล่นเดินวนอยู่แถว ๆ หลอดไฟนีออนที่ห้อง ทำท่าจะคอยรับหลอดไฟจะตกลงมาเมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้ผมต้องมาคอยดูรายการตลกตามเขาไปด้วยไม่งั่นตามมุขเด็ก ๆ ไม่ทัน

บางทีมีคนโทรมาหาลูกน้องเราเอง ก็มีอันเผลอเล่นมุขตามไปด้วยเลย คือเขาถามว่า “เห็นคุณจอยอยู่ที่โต๊ะมั่ยค่ะ” ผมเป็นต้องตอบไปว่า “เอ . . เมื่อสักครู่เห็นอยู่ที่เก้าอี้ แต่ตอนนี้ไม่รู้ลงไปที่โต๊ะแล้วหรือยัง . . เดี๋ยวดูให้ก่อนนะ ที่แน่ ๆ น่ะ ที่โต๊ะไม่มีครับ” เออ ว่าให้นั้น

มาเข้าเรื่องโทรศัพท์กันดีกว่า คือเมื่อประมาณยี่สิบปีที่แล้ว ผมจำได้ว่าที่โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์ เคยสอนนักเรียนกันในเรื่องมารยาทในการรับโทรศัพท์ว่า จงรับสายในทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่งดังครั้งแรกเพราะนั้นเป็นการแสดงให้เห็นถึงการมีใจใฝ่บริการ หรือแสดงถึงความกระตือรือร้นในการให้บริการ

ในหลายๆ ที่ องค์กรที่ให้บริการต่าง ๆ เช่น บริษัทให้บริการอินเตอร์เน็ตศูนย์ให้บริการข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ หรือแม้แต่ในบริษัทเอกชนหลายบริษัท ที่เห็นความสำคัญของการรับสาย โทรศัพท์ต่างก็พยามหาทุกวิถีทางที่จะทำให้ลูกค้า หรือผู้รับบริการสามารถติดต่อเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างไม่ต้องเสียความรู้สึกที่ว่า โทรตั้งนาน สองนานหรือว่า ติดแล้วทั้งวันแต่ไม่มีใครเข้ามารับสาย หรือตอบข้อชักถามได้เรื่องได้ราวเลยแม้แต่คนเดียว

หมายเลขที่เคยเป็นหมายเลขยอดนิยมในอดีตเช่น 13 เดี๋ยวนี้อาจสามารถโทรติดได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ได้ง่ายมากนัก ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง แม้คุณจะสามารถโทรติดจนไม่มีเสียงอัดเทปตอบคุณแล้วว่าขณะนี้โอเปอเรเตอร์ไม่ว่าง แต่คุณรอไปอีกสิบนาที ก็ยังไม่มีเสียงที่ว่านั้นตอบกลับมาประโยคเดิมนั่นแหละครับ ถ้าใครบังเอิญโทรเข้าไปสามารถคุยผ่านโอเปอเรเตอร์เข้าไปได้ก็เป็นอันว่าคุณโชคดีแล้วล่ะครับ

เมื่อก่อนนี้ผมเคยโทรเข้าไปสอบถามรายละเอียดบางอย่าง ที่บริษัทอินเตอร์เน็ทในเครือชินวัตรฯ ปรากฎว่าไม่มีใครรับสายเลย บางทีสายก็ไม่ว่างรับสายไม่ทัน แต่เดี๋ยวนี้เขาก็มีการเช็กสาย โทรเข้า แล้วก็จัดให้มีคู่สายเพิ่มรวมถึงการจ้างพนักงานเข้ามาเพิ่ม เพื่อคอยให้บริการตอบข้อชักถามทางโทรศัพท์แล้วก็มีการอบรมถึงมารยาท การพูดโทรศัพท์กับลูกค้า ก็อยากให้บริษัทอื่น ๆ ทั้งหลายที่ยังคิดแต่เรื่องประหยัดจนไม่ยอมคิดถึงว่าลูกค้าจะหนีไปไหนหมด ไม่หวนกลับมาใช้บริการกันอีกเรื่อย ๆ นั้นล่ะครับ เรื่องการรับโทรศัพท์ให้ทัน และสามารถให้ข้อมูลกับทางลูกค้าได้อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพนี่ถือเป็นการส่งเสริมการตลาดอย่างหนึ่งครับ อย่าเอาไปคิดว่าเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเลย มันคนละเรื่องกัน นอกจากว่าบริษัทคุณมีคนโทรเข้ามาน้อยมาก บางครั้งอาจจะเป็นวันละไม่เกิน 10 ราย อย่างนั้นก็ไม่ต้องเปลืองเงิน ในการใช้ตู้ชุมสายอัตโนมัติ หรือ ตู้ พีเอบีเอ็กซ์ หรือแม้แต่จะจ้างพนักงานรับโทรศัพท์เข้ามาทำงานเลยครับ อย่างนี้ถือว่าเปลืองจริง ๆ


มีอยู่บริษัทหนึ่ง ทำธุรกิจด้านภัตราคาร และมีสำนักงานใหญ่คอยดูแลสาขาต่าง ๆ และติดตามประสานงานกับทางโรงงานและด้านอื่น ๆ อีกมาก ทว่าทั้งบริษัทมีโทรศัพท์ใช้เพียง 5 คู่สาย รวมแฟกซ์อีกหนึ่งคู่สายเคยมีพนักงานขอให้ทางเจ้าของเพิ่มคู่สาย แต่ทางเจ้าของบอกว่า”ช่างเขาเถอะมีพนักงานมากก็ใช้มาก ให้มีคู่สายน้อยทางพนักงานเองจะได้โทรน้อย ๆ ลง” ก็ถูกของเขาหรอกครับ แต่ทางบุคคลภายนอกที่ทำธุรกิจหรือธุรกรรมกับทางบริษัทของคุณล่ะครับ เขายังอยากจะโทรเข้ามาติดต่ออีกมากขึ้นหรือน้อยลงเพียงใด เพราะกลัวว่าจะโทรศัพท์ติดต่อเข้ามากินเวลาเป็นชั่วโมง หรือบางครั้งต่อติดก็ลืมไปแล้วว่าจะโทรคุยเรื่องอะไร

** คัดลอกบางส่วนมาจากหนังสือ " ทางรอด SMEs ยุคใหม่ " โดย คณิต สินทบ ISBN 974-90001-2-9